รูเบน อาโมริม กุนซือคนใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาวิจารณ์มาร์คัส แรชฟอร์ดอย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยระบุว่าเขาจะเลือกใช้งานฆอร์เฆ วิตัล โค้ชผู้รักษาประตูวัย 63 ปี ลงสนามดีกว่าที่จะใช้แรชฟอร์ดที่ไม่ทุ่มเทในการซ้อม
ในเกมที่แมนยูฯ เอาชนะฟูแล่ม 1-0 จากประตูของลิซานโดร มาร์ติเนซ แรชฟอร์ดไม่มีชื่อในทีมอีกครั้ง โดยนี่เป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้วที่เขาไม่ได้มีชื่อในทีมชุดพรีเมียร์ลีก อาโมริมให้เหตุผลว่าแรชฟอร์ดไม่ได้แสดงทัศนคติของนักเตะที่ "ทุ่มเทอย่างเต็มที่ในทุกๆ วัน"
สถานการณ์ของแรชฟอร์ดภายใต้การคุมทีมของอาโมริม
อาโมริมยืนยันว่าเหตุผลที่ไม่ใช้งานแรชฟอร์ดนั้นเกี่ยวข้องกับการฝึกซ้อมและวิธีที่เขามองว่านักฟุตบอลควรปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวัน กุนซือชาวโปรตุเกสระบุว่า "ถ้าสถานการณ์ไม่เปลี่ยน ผมก็จะไม่เปลี่ยนการตัดสินใจ" เกี่ยวกับสถานะของแรชฟอร์ดในทีม
แม้ว่าทีมจะขาดความเร็วบนม้านั่งสำรอง แต่อาโมริมยืนยันว่าเขาจะเลือกใช้งานฆอร์เฆ วิตัล โค้ชผู้รักษาประตูที่ย้ายมาจากสปอร์ติ้ง ซีพี พร้อมกับเขาเมื่อเดือนพฤศจิกายน ดีกว่าที่จะใช้นักเตะที่ไม่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ในทุกๆ วัน
มุมมองของสื่อและอนาคตของแรชฟอร์ด
เฮนรี่ วินเทอร์ นักข่าวที่ใกล้ชิดกับแรชฟอร์ดเปิดเผยว่า ในเดือนธันวาคม แรชฟอร์ดได้บอกเขาว่า "พร้อมสำหรับความท้าทายใหม่" โดยทางฝ่ายของแรชฟอร์ดยืนยันว่านักเตะยังคงซ้อมอย่างหนัก แม้จะมีความเห็นในทางตรงกันข้ามจากอาโมริม
ทางด้านเมลิสซ่า เรดดี้ ผู้สื่อข่าวของสกาย สปอร์ตส์ นิวส์ รายงานว่าอาโมริมไม่พอใจกับพฤติกรรมและความเป็นมืออาชีพของแรชฟอร์ด โดยเฉพาะหากเขาต้องอยู่กับทีมต่อหลังตลาดซื้อขายปิด ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงเนื่องจากบาร์เซโลน่า ตัวเลือกเดียวที่แรชฟอร์ดสนใจ ยังไม่ได้ติดต่อแมนยูฯ อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการยืมตัว
ปัญหาในแนวรุกของแมนยูฯ
อาโมริมยอมรับว่าทีมยังมีปัญหาในการทำประตู โดยในเกมกับฟูแล่ม ทีมต้องรอถึงนาทีที่ 42 กว่าจะได้ยิงลูกแรก และนี่เป็นเกมที่ 12 ติดต่อกันในพรีเมียร์ลีกที่พวกเขาไม่สามารถทำประตูจากการเล่นในครึ่งแรก
ราสมุส โฮยลุนด์ ถูกเปลี่ยนตัวออกหลังจากทำผลงานได้ไม่โดดเด่น ส่วนโจชัว เซิร์กเซ่ที่ลงมาแทนก็แตะบอลเพียง 8 ครั้งในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย อาโมริมยอมรับว่าทีมยังขาด "ความเร็วและพลังในแนวรุก"
อนาคตของการเสริมทีมและแกร์นาโช่
เกี่ยวกับการเสริมทีมในช่วงตลาดซื้อขายที่เหลือ อาโมริมเน้นย้ำว่าทีมต้องระมัดระวังและทำตามกฎการเงินที่เข้มงวด โดยไม่ต้องการทำผิดพลาดเหมือนในอดีต
ส่วนอเลฮานโดร แกร์นาโช่ ที่ตกเป็นเป้าหมายของนาโปลีและเชลซี อาโมริมไม่ยืนยันอนาคตของนักเตะ โดยระบุว่า "ไม่มีใครรู้ อะไรก็เกิดขึ้นได้" แม้ว่าเขาจะชื่นชมพัฒนาการของแกร์นาโช่ในทุกๆ ด้าน
บทวิเคราะห์ ชัยชนะที่ไม่ได้ปิดบังปัญหา
แม้จะเอาชนะฟูแล่มได้ แต่ปัญหาของแมนยูฯ ยังคงชัดเจน โดยเฉพาะในแนวรุกที่ขาดประสิทธิภาพ ทั้งโฮยลุนด์และเซิร์กเซ่ยังไม่สามารถสร้างผลงานที่น่าประทับใจ ขณะที่แกร์นาโช่ ที่อาจถูกขายเพื่อสร้างผลกำไรและช่วยในเรื่องกฎการเงิน กลับเป็นผู้เล่นที่ดูมีประกายมากที่สุดในเกมรุก
แม้ว่าตารางการแข่งขันในช่วงต่อไปจะดูเอื้ออำนวย ด้วยการเยือนบูคาเรสต์ในยูโรปา ลีก ตามด้วยเกมเหย้าพบคริสตัล พาเลซ และเลสเตอร์ในเอฟเอ คัพ แต่ภาพรวมของทีมยังคงต้องการการพัฒนาอีกมาก
การที่ฟูแล่มถูกมองว่าเป็นตัวเต็งก่อนเกม และแมนยูฯ เล่นในฐานะทีมรอง แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปของทีม อาโมริมยังมีงานหนักในการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะในแนวรุก และการสร้างเอกลักษณ์การเล่นที่ชัดเจนให้กับทีม
ผลกระทบต่อห้องแต่งตัวและวัฒนธรรมของทีม
การตัดสินใจอย่างเด็ดขาดของอาโมริมในกรณีของแรชฟอร์ดส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อห้องแต่งตัวของแมนยูฯ กุนซือชาวโปรตุเกสกำลังพยายามสร้างวัฒนธรรมใหม่ที่เน้นความทุ่มเทและความเป็นมืออาชีพ โดยไม่สนใจชื่อเสียงหรือสถานะของนักเตะ เช่นเดียวกับแนวทางการบริหารจัดการที่มีมาตรฐานสูงอย่างที่ sbobet ยึดถือในการดำเนินธุรกิจของพวกเขา
การที่เขากล้าวิจารณ์แรชฟอร์ด ดาวยิงที่เติบโตมาจากอคาเดมี่ของสโมสรอย่างเปิดเผย ส่งสัญญาณชัดเจนถึงมาตรฐานที่เขาต้องการจากลูกทีมทุกคน นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจากยุคของกุนซือคนก่อนๆ ที่มักจะจัดการปัญหาภายในแบบปิดลับ
มุมมองทางการเงินและการวางแผนในอนาคต
ในแง่การเงิน สถานการณ์ของแรชฟอร์งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่แมนยูฯ กำลังเผชิญ ด้วยค่าเหนื่อยที่สูงและผลงานที่ไม่คุ้มค่า การขายแรชฟอร์งออกไปอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย แต่ตลาดซื้อขายที่จำกัดและสถานการณ์ทางการเงินของสโมสรอื่นๆ ทำให้การย้ายทีมเป็นไปได้ยาก
อาโมริมต้องการสร้างทีมในแบบของเขา ด้วยระบบ 3-4-2-1 ที่ต้องการนักเตะที่มีคุณสมบัติเฉพาะ การปล่อยแรชฟอร์ดออกไปจะช่วยให้เขามีงบประมาณในการเสริมทีมตามที่ต้องการมากขึ้น แต่ก็ต้องระวังไม่ให้กระทบกับกฎ PSR
ความสัมพันธ์กับแฟนบอล
แฟนบอลแมนยูฯ ส่วนใหญ่ดูจะเข้าใจและสนับสนุนการตัดสินใจของอาโมริม พวกเขาเบื่อหน่ายกับพฤติกรรมนอกสนามและฟอร์มการเล่นที่ไม่สม่ำเสมอของแรชฟอร์ดมาระยะหนึ่งแล้ว แม้ว่าในฐานะนักเตะที่เติบโตมาจากอคาเดมี่ แรชฟอร์ดจะได้รับความเห็นใจจากแฟนบอลมากกว่านักเตะต่างชาติ แต่ความอดทนของแฟนๆ ก็มีขีดจำกัด
การที่แรชฟอร์ดโพสต์แสดงความยินดีกับชัยชนะของทีมบน Instagram แทนที่จะอยู่ร่วมกับทีมที่สนาม ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของแฟนบอลที่มองว่าเขาให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์บนโซเชียลมีเดียมากกว่าการพัฒนาตัวเองในสนาม