ที่น่าผิดหวัง โดยทีมภายใต้การนำของ รูเบน อโมริม กลายเป็นทีมที่มีผลงานแย่ที่สุดในพรีเมียร์ลีกในช่วง 14 นัดแรกนับตั้งแต่ยุคของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เมื่อพวกเขาทำได้เพียงแค่ 14 คะแนนเท่านั้น การตกลงไปอยู่อันดับ 15 ของตารางในปัจจุบันกลายเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่าแมนยูต้องมีการปรับปรุงอย่างเร่งด่วนในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นในด้านการทำประตู, การจัดการเกมรุก, หรือแม้กระทั่งการปรับปรุงในเชิงแท็คติกของทีม
ผลงานที่น่าผิดหวังและการเปลี่ยนแปลงในการบริหารทีม
รูเบน อโมริม ซึ่งถูกแต่งตั้งเป็นกุนซือของแมนยูในช่วงต้นฤดูกาล 2024 ได้รับความคาดหวังมากมายจากแฟนบอลและสโมสร อย่างไรก็ตาม ผลการแข่งขันในช่วง 14 นัดแรกของพรีเมียร์ลีกที่พาทีมเก็บได้เพียงแค่ 14 คะแนน สร้างความกังวลใจให้กับทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตั้งแต่การวางมือของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หลังจากที่เขาเกษียณในปี 2013 ซึ่งการตั้งค่านโยบายของผู้จัดการทีมคนใหม่ไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนในด้านผลการแข่งขัน
แมนยูต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากโดยที่พวกเขาต้องทำงานร่วมกับการเปลี่ยนแปลงหลายครั้งทั้งในแง่ของบุคลากรและสไตล์การเล่น แต่ในที่สุดความหวังที่สูงสุดก็ไม่ได้ตอบสนองอย่างที่แฟนๆ คาดหวัง ทีมที่เคยเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกมากมายในอดีตตอนนี้พบกับปัญหาที่หลากหลาย รวมถึงการขาดความคงเส้นคงวาในการทำประตูและการจัดการเกมในช่วงเวลาที่สำคัญ
ปัญหาการทำประตูและสไตล์การเล่นที่ขาดความลื่นไหล
ปัญหาการทำประตูกลายเป็นเรื่องที่สะท้อนถึงความยากลำบากของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฤดูกาลนี้ โดยการยิงประตูของพวกเขาในลีกยังคงต่ำกว่าความคาดหวัง หลังจากลงเล่น 25 นัด แมนยูยิงได้เพียงแค่ 28 ประตู ซึ่งหมายถึงพวกเขามีค่าเฉลี่ยในการทำประตูแค่ 1.12 sbobet ประตูต่อนัดเท่านั้น ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ถึงการขาดความคมในการจบสกอร์ และความยากลำบากในการหาทางสร้างโอกาสที่จะแปลงเป็นประตูได้มากขึ้น
ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากการขาดศักยภาพของนักเตะในทีม แต่เป็นเพราะการจัดการเกมรุกของกุนซือที่ไม่สามารถดึงศักยภาพของนักเตะออกมาได้อย่างเต็มที่ รูเบน อโมริม คาดหวังที่จะปรับให้ทีมมีการเล่นที่รวดเร็วและดุดัน แต่ความไม่ลงตัวระหว่างการเคลื่อนที่ของผู้เล่นในแนวรุกและการเชื่อมโยงที่ไม่ราบรื่นทำให้โอกาสทำประตูของทีมลดลง
ราสมุส ฮอยลุนด์ สัญญาณของความหวังที่ท้าทาย
ราสมุส ฮอยลุนด์ กองหน้าคนใหม่ของแมนยูเป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดในฤดูกาลนี้ แม้ว่าเขาจะทำผลงานได้ดีในหลายๆ เกม แต่ตัวเลขการทำประตูในพรีเมียร์ลีกของเขายังไม่เป็นไปตามความคาดหวัง โดยเขาทำได้เพียงแค่ 2 ประตูจาก 25 นัดในลีกเท่านั้น นอกจากนี้ ความถี่ในการยิงประตูของฮอยลุนด์ก็ต่ำมาก โดยเขามีค่าเฉลี่ยโอกาสยิงเพียง 1.20 ครั้งต่อนัด ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับกองหน้าของสโมสรใหญ่ในพรีเมียร์ลีก
เมื่อเทียบกับนักเตะที่เป็นคู่แข่งในตำแหน่งเดียวกัน เช่น เออร์ลิง ฮาลันด์ ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งมีค่าเฉลี่ยการยิงประตูถึง 3.82 ครั้งต่อเกม ความแตกต่างระหว่างทั้งสองนักเตะชัดเจน นั่นหมายความว่าแม้ว่า ฮอยลุนด์จะมีศักยภาพในการทำประตูที่ดี แต่การที่เขาไม่ได้รับโอกาสยิงที่เพียงพอในการแข่งขันก็เป็นปัญหาที่สำคัญที่ทำให้แมนยูพลาดโอกาสในการทำคะแนนอย่างต่อเนื่อง
ความท้าทายที่ต้องการการแก้ไข
แมนยูในปัจจุบันต้องเผชิญกับปัญหาหลายประการไม่เพียงแค่ในเรื่องของการทำประตู แต่ยังรวมถึงการจัดการเกมรุกให้มีความคล่องตัวและประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อที่จะทำให้ทีมสามารถคว้าชัยชนะได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต ภายใต้การนำของรูเบน อโมริม ที่ต้องทำการปรับกลยุทธ์และรูปแบบการเล่นให้ดียิ่งขึ้น
หนึ่งในจุดที่ต้องการการแก้ไขคือการเพิ่มโอกาสในการทำประตูให้กับกองหน้า การพัฒนาแผนการเล่นที่สามารถให้โอกาสยิงประตูมากขึ้นและการสร้างการเชื่อมโยงที่ดีระหว่างกองกลางและกองหน้า จะเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้แมนยูมีทางออกในการทำประตูมากขึ้น
นอกจากนี้ การเสริมทัพนักเตะในตำแหน่งกองหน้าหรือแม้แต่การเพิ่มความลึกในทีมอาจเป็นทางเลือกที่จำเป็นในการช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับการโจมตีของแมนยู การที่ทีมยังไม่มีการลุกขึ้นมาแสดงให้เห็นถึงความท้าทายในการลงเล่นในพรีเมียร์ลีกหมายความว่าแมนยูต้องทำการปรับเปลี่ยนทั้งในเรื่องของนักเตะและกลยุทธ์เพื่อให้ทีมมีความสามารถในการแข่งขันได้อย่างสม่ำเสมอ
สิ่งที่ต้องทำต่อไป
แมนยูต้องทำการปรับเปลี่ยนในหลายๆ ด้านหากต้องการที่จะกลับมาเป็นทีมที่แข็งแกร่งและมีความสามารถในการคว้าแชมป์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจัดการเรื่องการทำประตูที่ทีมต้องพัฒนาให้ดีขึ้น หากรูเบน อโมริม สามารถค้นหาความลงตัวในการเล่นรุกและปรับกลยุทธ์ที่เหมาะสม ทีมจะมีโอกาสในการกลับมามีผลงานที่ดีขึ้นในช่วงหลังของฤดูกาล
ไม่เพียงแต่การแก้ปัญหาการทำประตูเท่านั้น แต่การเสริมสร้างความมั่นคงในเกมรับและการทำให้ทีมสามารถทำเกมรุกได้หลากหลายและมีประสิทธิภาพจะเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้แมนยูสามารถกลับมาทวงบัลลังก์ในพรีเมียร์ลีกได้อีกครั้งในอนาคต
การเดินทางของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฤดูกาลนี้ยังคงเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่หากทีมสามารถผ่านพ้นปัญหานี้ไปได้ พวกเขายังมีโอกาสในการฟื้นตัวและกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งในอนาคต